CFM (Cubic Feet per Minute) ย่อมาจาก ลูกบาศก์ฟุตต่อนาทีและ CMM (Cubic Meters per Minute) ย่อมาจาก ลูกบาศก์เมตรต่อนาที เป็นหน่วยวัดที่ใช้วัดปริมาณการไหลของอากาศ (Air flow)
เป็นการวัดปริมาตรอากาศเป็นลูกบาศก์ฟุต (หรือลูกบาศก์เมตร) ในแต่ละนาทีที่อากาศเคลื่อนที่ ในกรณีของเครื่องอัดอากาศ CFM และ CMM หมายถึงปริมาณอากาศที่สามารถเคลื่อนที่ต่อนาที ตัวอย่างเช่นเอาต์พุตของเครื่องอัดอากาศสามารถกำหนดไว้ที่ 30 CFM ซึ่งหมายความว่าอากาศไหล 30 ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที
สรุป
- CFM: Cubic Feet per Minute ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที
- CMM: Cubic Meters per Minute ลูกบาศก์เมตรต่อนาที
CFM และ CMM ใช้เพื่อแสดงปริมาตรอากาศที่เคลื่อนที่ผ่านพื้นที่ที่กำหนดภายในกรอบเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปจะใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึง HVAC (การทำความร้อน การระบายอากาศ และการปรับอากาศ) การผลิต และวิศวกรรม เพื่อวัดการไหลเวียนของอากาศของพัดลม ระบบปรับอากาศ ระบบระบายอากาศ และอุปกรณ์จัดการอากาศอื่นๆ
ความแตกต่างระหว่างทั้งสองหน่วยอยู่ที่การวัดปริมาตรที่ใช้ โดย CFM วัดการไหลของอากาศเป็นลูกบาศก์ฟุตต่อนาที ในขณะที่ CMM วัดการไหลของอากาศเป็นลูกบาศก์เมตรต่อนาที CFM มักใช้ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ที่ใช้ระบบการวัดของจักรวรรดิเป็นหลัก ในขณะที่ CMM มักใช้ในประเทศที่ใช้ระบบเมตริก
สูตรการคำนวณ CFM และ CMM
อัตราการไหลเชิงปริมาตรซึ่งนิยมใช้สำหรับการไหลของอากาศ ลม และงานด้านระบบปรับ (HVAC) ที่วัดการไหลของอากาศ พารามิเตอร์ CMM และ CFM เป็นกุญแจสำคัญในการพิจารณาประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศของพัดลมและระบบทำความเย็น/ร้อน
สูตรการคำนวณการไหลของอากาศ CFM และ CMM
โดยนำความเร็วลมในหน่วยเมตรต่อวินาที m/s (กรณี CMM) และ ฟุตต่อนาที ft/min (กรณี CFM) ที่ได้ โชคดีที่เครื่องวัดความเร็วลมสมัยใหม่ สามารถวัดและคำนวณค่าได้ทั้ง CFM และ CMM เพียงแค่ป้อนพื้นที่หรือหน้าตัดของท่อ Dust เข้าไป